
เรามาทำความรู้จักกับ cam shaft กันดีกว่าครับ....

cam shaft เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ที่จะต้องได้รับการโมดิฟาย แต่หลายคนเคยสงสัยไหมว่าโมดิฟายแคมแล้วเครื่องจะแรงขึ้นได้ยัง
cam shaft เป็นตัวกำหนดระยะเวลาเปิด-ปิดของอากาศที่จะไหลเข้าไปในกระบอกสูบและห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งระยะเวลาในการเปิด-ปิดของ cam shaft ถ้าเรียกเป็นวินาทีอาจจะงงกันเพราะว่า แคมทำงานเป็น 1/100 ของวินาทีบางทีทำให้จดจำอยาก ซึ่งเราอาจเรียกเป็นองศาการเปิด-ปิด เช่น270องศา 280องศา 330องศา
หลายคนงงว่า1รอบมี 360 องศา ดูด180องศาก็นาจะพอแล้วอีก180องศาก็เป็นจังหวะอัด แต่เนื่องจากความเป็นจริง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบสูงอากาศมีความเฉื่อยดังนั้นการบรรจุอากาศให้เต็มกระบอกสูบในรอบสูงต้องมีการเผื่อระยะเวลา ถ้าไม่มีการเผื่อระยะเวลา อากาศก็จะเข้าห้องเผาไหม้ไม่ทัน ทำให้รอบเครื่องยนต์โดนจำกัด สังเกตุได้จากรถจากโรงงานที่ยังไม่ผ่านการโมดิฟายแคมฯ จะมีกำลังดีในรอบต่ำ ขับง่าย แรงม้าไม่สูง รอบเครื่องยนต์สูงสุดไม่เกิน 6500รอบ/นาที แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่มีการโมดิฟายแคมฯ จะมาสามารถทำรอบเครื่องยนต์ได้สูงกว่าหนึ่งหมื่นรอบต่อ/นาทีเนื่องจากในรอบสูงเครื่องยนต์สามารถจุอากาศเข้าไปในกระบอกสูบได้ทำให้สามารถทำรอบเพิ่มได้
เรามาดูไดอะแกรมของ cam shaft กันนะครับจะได้เขาใจกันง่ายขึ้น

มาดูกันนะครับ จากรูป(ดูวงกลมด้านนอก) cam shaft เริ่มเปิดเมื่อ 30องศาก่อนศูนย์ตายบน(TDC)และปิดเมื่อผ่านศูนย์ตายล่างไปแล้ว (BDC) 70องศา จากไดอะแกรมทำทราบว่า cam shaft ตามไดอะแกรม มีองศา 280องศา ก็คือเปิดก่อน30 จังหวะดูด180 ปิดหลังอีก70 รวมเป็น280องศาครับ
เมื่อนึกภาพออกแล้วเราก็มาดูรูปจริงกันนะครับ เป็นแคมเดิมเอามาโมดิฟาย

คราวนี้เราก็เอา cam shaft เดิมๆมาโมดิฟายซะเลยโดยการเจียรแคมแคมเพิ่มองศา และระยะลิฟ(lift)
เครื่องยนต์เราก็จะมารถจุอากาศได้มากขึ้น กล้ามใหญ่ขึ้น แล้วก็จะแรงขึ้น แต่อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างต้องทำควบคู่กันไปไม่ใช่ว่าจะทำแคมอย่างเดียวแล้วจะแรง เมื่อองศาแคมมากขึ้น(เปิดนานขึ้น)เราก็ต้องเปลี่ยนสปิงวาล์วให้แข็งขึ้นเพื่อนที่ให้วาล์วปิดไวขึ้นครับ แต่ยังต้องมีรีเทนเนอร์ลดน้ำหนักอีกวาล์วจะได้ขยับตัวได้เร็วขึ้นตามสปริง ไม่ทำให้วาล์วลอย กำลังอัดจะได้ไม่รั่วไปไหน

รูปสุดท้ายเป็นรูปเจียร์แคมเดิมๆเพิ่มองศาความแรงครับ 
เรามาทำความรู้จักกับ cam shaft กันดีกว่าครับ.... 
cam shaft เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ที่จะต้องได้รับการโมดิฟาย แต่หลายคนเคยสงสัยไหมว่าโมดิฟายแคมแล้วเครื่องจะแรงขึ้นได้ยัง cam shaft เป็นตัวกำหนดระยะเวลาเปิด-ปิดของอากาศที่จะไหลเข้าไปในกระบอกสูบและห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งระยะเวลาในการเปิด-ปิดของ cam shaft ถ้าเรียกเป็นวินาทีอาจจะงงกันเพราะว่า แคมทำงานเป็น 1/100 ของวินาทีบางทีทำให้จดจำอยาก ซึ่งเราอาจเรียกเป็นองศาการเปิด-ปิด เช่น270องศา 280องศา 330องศา หลายคนงงว่า1รอบมี 360 องศา ดูด180องศาก็นาจะพอแล้วอีก180องศาก็เป็นจังหวะอัด แต่เนื่องจากความเป็นจริง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบสูงอากาศมีความเฉื่อยดังนั้นการบรรจุอากาศให้เต็มกระบอกสูบในรอบสูงต้องมีการเผื่อระยะเวลา ถ้าไม่มีการเผื่อระยะเวลา อากาศก็จะเข้าห้องเผาไหม้ไม่ทัน ทำให้รอบเครื่องยนต์โดนจำกัด สังเกตุได้จากรถจากโรงงานที่ยังไม่ผ่านการโมดิฟายแคมฯ จะมีกำลังดีในรอบต่ำ ขับง่าย แรงม้าไม่สูง รอบเครื่องยนต์สูงสุดไม่เกิน 6500รอบ/นาที แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่มีการโมดิฟายแคมฯ จะมาสามารถทำรอบเครื่องยนต์ได้สูงกว่าหนึ่งหมื่นรอบต่อ/นาทีเนื่องจากในรอบสูงเครื่องยนต์สามารถจุอากาศเข้าไปในกระบอกสูบได้ทำให้สามารถทำรอบเพิ่มได้ เรามาดูไดอะแกรมของ cam shaft กันนะครับจะได้เขาใจกันง่ายขึ้น 
มาดูกันนะครับ จากรูป(ดูวงกลมด้านนอก) cam shaft เริ่มเปิดเมื่อ 30องศาก่อนศูนย์ตายบน(TDC)และปิดเมื่อผ่านศูนย์ตายล่างไปแล้ว (BDC) 70องศา จากไดอะแกรมทำทราบว่า cam shaft ตามไดอะแกรม มีองศา 280องศา ก็คือเปิดก่อน30 จังหวะดูด180 ปิดหลังอีก70 รวมเป็น280องศาครับ เมื่อนึกภาพออกแล้วเราก็มาดูรูปจริงกันนะครับ เป็นแคมเดิมเอามาโมดิฟาย 
คราวนี้เราก็เอา cam shaft เดิมๆมาโมดิฟายซะเลยโดยการเจียรแคมแคมเพิ่มองศา และระยะลิฟ(lift) เครื่องยนต์เราก็จะมารถจุอากาศได้มากขึ้น กล้ามใหญ่ขึ้น แล้วก็จะแรงขึ้น แต่อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างต้องทำควบคู่กันไปไม่ใช่ว่าจะทำแคมอย่างเดียวแล้วจะแรง เมื่อองศาแคมมากขึ้น(เปิดนานขึ้น)เราก็ต้องเปลี่ยนสปิงวาล์วให้แข็งขึ้นเพื่อนที่ให้วาล์วปิดไวขึ้นครับ แต่ยังต้องมีรีเทนเนอร์ลดน้ำหนักอีกวาล์วจะได้ขยับตัวได้เร็วขึ้นตามสปริง ไม่ทำให้วาล์วลอย กำลังอัดจะได้ไม่รั่วไปไหน 
รูปสุดท้ายเป็นรูปเจียร์แคมเดิมๆเพิ่มองศาความแรงครับ 
เรามาทำความรู้จักกับ cam shaft กันดีกว่าครับ.... 
cam shaft เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ที่จะต้องได้รับการโมดิฟาย แต่หลายคนเคยสงสัยไหมว่าโมดิฟายแคมแล้วเครื่องจะแรงขึ้นได้ยัง cam shaft เป็นตัวกำหนดระยะเวลาเปิด-ปิดของอากาศที่จะไหลเข้าไปในกระบอกสูบและห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งระยะเวลาในการเปิด-ปิดของ cam shaft ถ้าเรียกเป็นวินาทีอาจจะงงกันเพราะว่า แคมทำงานเป็น 1/100 ของวินาทีบางทีทำให้จดจำอยาก ซึ่งเราอาจเรียกเป็นองศาการเปิด-ปิด เช่น270องศา 280องศา 330องศา หลายคนงงว่า1รอบมี 360 องศา ดูด180องศาก็นาจะพอแล้วอีก180องศาก็เป็นจังหวะอัด แต่เนื่องจากความเป็นจริง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานด้วยความเร็วรอบสูงอากาศมีความเฉื่อยดังนั้นการบรรจุอากาศให้เต็มกระบอกสูบในรอบสูงต้องมีการเผื่อระยะเวลา ถ้าไม่มีการเผื่อระยะเวลา อากาศก็จะเข้าห้องเผาไหม้ไม่ทัน ทำให้รอบเครื่องยนต์โดนจำกัด สังเกตุได้จากรถจากโรงงานที่ยังไม่ผ่านการโมดิฟายแคมฯ จะมีกำลังดีในรอบต่ำ ขับง่าย แรงม้าไม่สูง รอบเครื่องยนต์สูงสุดไม่เกิน 6500รอบ/นาที แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่มีการโมดิฟายแคมฯ จะมาสามารถทำรอบเครื่องยนต์ได้สูงกว่าหนึ่งหมื่นรอบต่อ/นาทีเนื่องจากในรอบสูงเครื่องยนต์สามารถจุอากาศเข้าไปในกระบอกสูบได้ทำให้สามารถทำรอบเพิ่มได้ เรามาดูไดอะแกรมของ cam shaft กันนะครับจะได้เขาใจกันง่ายขึ้น 
มาดูกันนะครับ จากรูป(ดูวงกลมด้านนอก) cam shaft เริ่มเปิดเมื่อ 30องศาก่อนศูนย์ตายบน(TDC)และปิดเมื่อผ่านศูนย์ตายล่างไปแล้ว (BDC) 70องศา จากไดอะแกรมทำทราบว่า cam shaft ตามไดอะแกรม มีองศา 280องศา ก็คือเปิดก่อน30 จังหวะดูด180 ปิดหลังอีก70 รวมเป็น280องศาครับ เมื่อนึกภาพออกแล้วเราก็มาดูรูปจริงกันนะครับ เป็นแคมเดิมเอามาโมดิฟาย 
คราวนี้เราก็เอา cam shaft เดิมๆมาโมดิฟายซะเลยโดยการเจียรแคมแคมเพิ่มองศา และระยะลิฟ(lift) เครื่องยนต์เราก็จะมารถจุอากาศได้มากขึ้น กล้ามใหญ่ขึ้น แล้วก็จะแรงขึ้น แต่อย่าลืมนะครับ ทุกอย่างต้องทำควบคู่กันไปไม่ใช่ว่าจะทำแคมอย่างเดียวแล้วจะแรง เมื่อองศาแคมมากขึ้น(เปิดนานขึ้น)เราก็ต้องเปลี่ยนสปิงวาล์วให้แข็งขึ้นเพื่อนที่ให้วาล์วปิดไวขึ้นครับ แต่ยังต้องมีรีเทนเนอร์ลดน้ำหนักอีกวาล์วจะได้ขยับตัวได้เร็วขึ้นตามสปริง ไม่ทำให้วาล์วลอย กำลังอัดจะได้ไม่รั่วไปไหน 
รูปสุดท้ายเป็นรูปเจียร์แคมเดิมๆเพิ่มองศาความแรงครับ
มาว่ากันเรื่องแคมต่อก่อนจะไปคุยถึงเรื่องtop speed เพราะบางทีแต่งรถไปแต่งรถมา รถเดิมๆวิ่ง130พอใส่แคมยัดลูกโตไหง๋วิ่งได้ร้อยเดียว ปัญหาแบบนี้ผมก็เจอครับ รถผมเลย59/3วิ่งได้ร้อยเดียว งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าทำไม? ในรูปเราจะเปรียบเทียบระหว่างแคมเดิมกับแคมซิ่งที่บิดโอเวอร์แล๊ป ไม่ได้หมายความว่าแคมเดิมไม่แรง ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวเสมอเราต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสม หากเพื่อนๆได้อ่านบทความแล้ว ก็ลองเอาไปปรับใช้และเป็นข้อในการตัดสินใจเลือกใช้แคม จะได้แคมในสไตล์ทีเพื่อนๆต้องการได้แน่นอน ในแคมประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ3อย่าง -ระยะยกวาล์ว lift -ระยะเวลาเปิดวาล์ว timing -ระยะโอเวอร์แล๊ป(วาล์วเปิดพร้อมกันช่วงไอเสียกำลังจะปิด-ไอดีกำลังจะเปิด) over lap
#ระยะยกวาล์ว(lift valve) ให้ดูจากส่วนที่อ้วนที่สุดลบส่วนที่ผอมที่สุด เช่นอ้วนสุด27มิลลบกับด้านผอมสุด20มิลก็จะเท่ากับยก7มิล เราควรใส่แคมให้ระยะยกพอดีตามสเปคและขนาดเครื่องยนต์ การที่เราใส่แคมยกเยอะเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีครับ(เกิน7มิลก็เหนื่อยแล้วครับ) แคมยกเยอะช่วงกลางรถจะดึงแรงมากเนื่องจากอากาศและน้ำมันเข้าได้เยอะแต่รถจะเริ่มหยุดตอนไต่รอบสูงเพื่อทำtop speed....จากปัญหาวาล์วลอย(วาล์วปิดไม่ทัน)แคมที่ยกสูงจะทำให้วาล์วลอยได้ง่ายเนื่องจากสปริงดีดกลับไม่ทัน เพราะช่วงย่านความเร็วสูง ใน1วินาทีลูกสูบขึ้นลงเป็นร้อยครั้ง(ไวมากๆเทียบเท่าความเร็วเสียง) คงไม่แปลกอะไรที่วาล์วจะปิดไม่ทัน พอปิดไม่ทันปุ๊บ ไอดีที่ดูดเข้ามาในจังหว่ะอัดก็จะพ่นคืนออกไปขณะที่วาล์วไอดียังเปิดอยู่ ทำให้รถสะดุดคล้ายๆอาการรอบตัด อาจจะแก้โดยการทำสปริงวาล์วให้แข็งขึ้นก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง ซึ่งจริงๆเราไม่อาจผืนระบบกลไกลการทำงานของธรรมชาติได้ หากใส่สปริงแข็งมากๆจะทำให้กระเดืองกับแคมสึกไวมาก กระเดืองมีโอกาศหักสูง เบ้าลูกปืนและลูกปืนรับภาระหนักขึ้น โซ่ยืดไว และที่สำคัญคือหน่วงกำลังเครื่องด้วย แทนที่จะแรง^_^ ดังนั้นเราต้องเลือกระยะยกแคมให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์เช่นรถชักสั้นรอบเครื่องจะสูงแคมต้องยกน้อยแต่เปิดนานๆแคมเอวต้องจึงต้องอ้วน .......ชักยาวรอบเครื่องยนต์ต่ำใส่แคมยกเยอะได้แต่ให้ปิดไว... ส่วนในรถเดิมๆทั่วไประยะยกแคมจะประมาณ5มิล ยกน้อยแต่เปิดนานเพราะแคมอ้วนมาก แต่อย่าลืมว่าแคมเดิมไม่มีโอเวอร์แล๊ป เราก็จะมาคุยกันต่อเรื่องระยะเปิดแคมกับโอเวอร์แล๊ปกันต่อในหัวข้อถัดไป
.......ข้อมูลอ้างอิงระยะยกแคม yamaha nouvo,mioโดย"ถูกจังดอมคอม" -แคมลูกเดิมทั่วไปแคมยกประมาณ5มิล ยกน้อยแต่เปิดนานเอวอ้วนมากและไม่มีโอเวอร์แล๊ป(ใส่ท่ออั้นได้ไม่มีผลกับเครื่อง) รอบเครื่องยนต์อยู่ประมาณ 8,500รอบต่อนาที -แคมซิ่งลูกเล็กวาล์วเช่นพวก19/24.5หรือ19/25 แคมยก5.5-6มิล เปิดไว-ปิดไวอีกเอวแค่19มิล เชื่อไหมว่ารอบเครื่องตกไปอยู่แถวๆ8000-8300รอบต่อนาทีแค่นั้นเอง (ช้าลงสิครับ) แต่จะได้รอบติดมือกับแรงบิดมากขึ้น เนื่องจากแคมบิดโอเวอร์แล๊ปมาให้ไอดีเปิดรอ รอบจะมาในช่วงย่านกลางๆขับสนุกกระชับมือขึ้นแต่ถ้าหาก ใส่ท่อเดิมความเร็วลดลงอาจน้อยกว่าแคมเดิมด้วยดังนั้นควรดูดีๆ เพื่อนๆบางคนงงถามว่าเหย็ดเป็ดใส่แล้วมันช้าลงแล้วกูจะใส่ทำไมฟ่ะ มันช้าลงจริงๆแต่แรงบิดเพิ่มขึ้นถ้าใส่ท่อผ่า ต้องทำใจครับลูกเล็กยังไงต้องโดนบังคับให้ใส่สเป็คนี้เพราะเปิดนานกว่านี้ไม่ได้แล้วครับใบวาล์วมันจะเกี่ยวกันแล้วครับ กลางวาล์วเดิมระยะระห่างใบไอดี-ไอเสียประมาณ3.5มิล ใส่เปคนี้ถูกต้องแล้ว -แคม20.5/27.3 ยก6.8มิล เอวใหญ่ขึ้น ระยะยกเยอะขึ้น หากมีระยะบิดแคมโอเวอร์แล๊ปที่ดี แบบนี้มาแน่ๆครับ ยกไม่เยอะเกินไป เอวไม่เล็กมาก แบบนี้ใส่ไป top speed ขยับแน่นอนครับ แต่ต้องดูกลางวาล์วกรือระยะห่างระหว่างใบไอดีไอเสียด้วยครับต้องอยู่ประมาณ 4.5มิล ใบถึงจะไม่เกี่ยวกัน -20/27 พิมพ์นิยม แต่ละสำนักอาจมีความแตกต่างที่บิดแคมให้โอเวอร์แล๊ป บิดมาก-บิดน้อยใส่ไปไม่ต้องคิดมากมีท่อใบนึงรู้เรื่องเลยรอบเครื่องอยู่ระหว่าง9500-10500รอบต่อนาที(ข้อเป็นองค์ประกอบในการปั่นรอบด้วย) แค่ดูระยะโอเวอร์แล๊ปประกอบในการใช้ท่อก็แจ่มแมว มาแน่ๆ ถ้าแคมบิดเยอะเดินเบาอาจมีสำลักบ้างไม่ต้องตกใจถ้าบางสำนักแคมบิดเวอร์แล๊ปแยอะ เพราะไอดีบิดเผื่อล่วงหน้าไว้เยอะจะมีไอดีบางส่วนย้อนขึ้นคาร์บูในรอบต่ำหรือหรือช่วงกรอคันเร่งก็จะมีสำลักบ้าง เปิดคันเร่งหายครับ ยิ่งบิดไอเสียขึ้นด้วยท้ายยิ่งเดิน ถ้าถ้าบิดมากเกินไปในรอบต่ำคลานออกครับไอดีรั่วหมด -18.5/26.5 เป็นแคมชักยาว เอวเลยผอม รอบเครื่องต่ำอยู่แถวๆ7,000รอบต่อนาที รอบเครื่องต่ำมากๆเราจึงใส่แคมยกเยอะมากๆได้ชนิดไม่ต้องกลัววาล์วลอย ในรถชักยาวแรงบิดจะสูงมากๆ(ขับยกล้อกันเพลินเลย) ดังนั้ เมื่อแรงบิดสูงเราก็สามารถลดอัตราเพืองท้ายลงใส่เพืองหนักๆเช่น16/38 ก็จะไม่มีปัญหากับเรื่องtop speed กลับกันชักยาวถ้าใส่เพืองท้ายเดิมแล้วใช้รอบเครื่อง7,000รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดหรือtop speed จะวิ่งได้ประมาณ90-100แค่นั้นเองไม่เชื่อลองดูครับ วิ่งเสาไฟฟ้าเดียวรถหมดแล้ว ถึงล้มก็ไม่ตาย
หากเพื่อนๆสนใจกันเยอะเราจะมาต่อในหัวข้อที่2และที่3กันนะจ๊ะ พิมพ์เหนื่อยนะเนี่ย By อ.เป้ถูกจังดอทคอม ของจริงไม่มีเก๊ |